ภายหลังโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลระดับพรีเมียม ที่มีผลกำไรต่อเนื่อง โดยช่วงหลังโควิด มีรายได้เพิ่มจากการลงทุนในเทคโนโลยีเเละบุคลากรเเพทย์ในศูนย์เเพทย์เฉพาะทาง เช่น ศูนย์โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง คลินิกผู้มีบุตรยาก ทันตกรรมดิจิตอล สุขภาพ เเละศูนย์ความงาม รองรับความต้องการของคนไข้ สมกับเป็นผู้นำการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเเพทย์ทางไกล หรือ Telehealth การให้บริการดูแลสุขภาพถึงที่บ้าน (Home Healthcare Service) เเละล่าสุดได้ขยายธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพ เเละการดูแลผู้สูงวัย (Senior Care)
นอกจากกลุ่มลูกค้าสูงวัยชาวไทยเเละจากยุโรป โดยมีการจัดสร้าง “หมู่บ้านผู้สูงวัย” ในเครือโรงพยาบาลธนบุรี ที่จิณณ์ เวลบีอิ้ง รังสิต เเละที่ธนบุรี เฮลท์ วิลเลจ ประชาอุทิศ เเละกำลังขยายโครงการด้านสุขภาพและการดูแลผู้สูงวัย (Wellness-Senior Care) ที่พัทยา เชียงใหม่ เเละหัวหิน เพื่อรองรับยุคของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ซึ่งทางโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ได้เปิดรับผู้ป่วยชาวต่างชาติมาตลอด ตั้งแต่ปี 2562 โดยกลุ่มเป้าหมายคือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ ต่อมานักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา เมียนมา ตะวันออกกลาง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต กาตาร์ ให้การตอบรับจำนวนมาก ทำให้เวลานี้ตลาดด้านนี้กำลังเติบโตมากในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) แห่งหนึ่งของโลก ด้วยจุดแข็งแพทย์ไทยมีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญเป็นที่กล่าวถึงกันทั่วโลก รวมถึงค่าบริการทางการแพทย์ที่ไมได้แพงถ้าหากเทียบกับหลายๆ ประเทศในโลก ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาใช้บริการทางการแพทย์ได้มาก
จากจุดนี้ทำให้มีนักลงทุนให้ความสนใจในธุรกิจเฮลท์แคร์สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ จึงเป็นโอกาสที่โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง มองเห็นรายได้ในอนาคตของโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จะเติบโตจากศูนย์การเเพทย์เป็นเลิศ เฉพาะทาง เเละธุรกิจด้านสุขภาพและการดูแลผู้สูงวัย (Wellness-Senior Care) สนองความต้องการของสังคมสูงวัยทั้งในประเทศไทยเเละต่างประเทศ
ล่าสุดโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง โดย ดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ได้ทำพิธีลงนามเเต่งตั้ง บริษัท หลักทรัพย์ เมย์เเบงค์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาการเงินเเละประกันการจัดจำหน่ายหุ้น เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีนายธีร์ จารุศร กรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ร่วมลงนาม และมี นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด เป็นสักขีพยาน ณ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง กรุงเทพฯ โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประขาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ช่วงต้นปี 2567 ต่อไป
ด้านนพ.บุญ วนาสิน กล่าวว่า ธุรกิจทางด้านเฮลท์แคร์ที่เด่นที่สุดคือเรื่องของ wellness เพราะหลังจากโควิดคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทั่วโลกรายได้จาก wellness เพิ่มขึ้น 30% ชาวต่างชาติอยากมาใช้บริการทางการแพทย์ที่ไทย เพราะเรามีบริการที่ดี แพทย์มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ความสามารถ เครื่องมือทางการแพทย์ก็ทันสมัย แต่ปัญหาอยู่ที่ค่าประกันสุขภาพที่สูงมากในกลุ่มผู้สูงอายุชาวต่างชาติที่ทีอายุ 65 ปีขึ้นไป คืออยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน ซึ่งขณะนี้ทางธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป กำลังเจรจากับ AIA และ Prudential ให้ลดค่าประกันสุขภาพให้เหลือประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ที่ไทยเป็นล้านคน
“ถ้ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันสนับสนุนอย่างจริงจัง รายได้จากธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพเเละการดูแลผู้สูงวัย ถือว่ามหาศาลมาก ชาวต่างชาติส่วนใหญ่อยากมาเกษียณ อยากมาใช้บริการทางการแพทย์ที่ประเทศไทย เพราะจุดเด่นของเราคือการต้อนรับและการบริการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดแพทย์และเทคนิคทางการแพทย์ของเราก็ไม่เป็นรองใคร” นพ.บุญกล่าวทิ้งท้าย.